ประกาศ"พ่อกูใหญ่" อ้างลูกนายพล ยกพวกรุมซ้อม แท็กซี่ปางตาย


อ้างลูกนายพล รุมตื้บโชเฟอร์แท็กซี่ปางตาย ชักปืนยิงขึ้นฟ้าขู่อีก 7 นัด ระทึกกลางดึก หน้า "อาร์ซีเอ"แล้วซิ่งรถตู้หรูหนี ก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง เลยถูกสกัดจับได้ในที่สุด พบ 2 หนุ่มอยู่ในรถ พร้อมปืน 2 กระบอก ตรวจสอบแล้วเป็นตำรวจยศ "ส.ต.ต." อยู่โรงพักกระทุ่มแบน ที่สมุทรสาคร ส่วนอีกคนมีนามสกุลตรงกับ "พลเอก" คนหนึ่งในกองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนเพื่อนโชเฟอร์เผย ชาย 5 คนรุมกระทืบไม่ยั้ง แม้ยกมือไหว้ขอชีวิต ขณะที่ตำรวจแยกคดีเป็น 2 เหตุการณ์ ก่อนให้ประกันตัวออกไป


เมื่อ เวลา 02.30 น. วันที่ 28 ก.ย. พ.ต.ต.ลัทธวัฒน์ เพ็งชัย สวป.สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุมีกลุ่มชายหลายคนรุมทำร้ายคนขับรถแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ แล้วยังใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่คู่กรณี บริเวณหน้าทางเข้าอาร์ซีเอ สี่แยกริมถนนจตุรทิศ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมร.ต.ท.พรปรีชา ไชยกาล พนักงานสอบสวน และกำลังฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน


ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่บนถนน 7 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนขับแท็กซี่ทราบชื่อคือ นายธานินทร์ พำนัก อายุ 31 ปี คนขับรถแท็กซี่มิเตอร์โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มช 8125 กทม.จอดอยู่ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถีไปก่อนแล้ว สภาพมีบาดแผลใบหน้าปูดบวม ปากแตก ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำหลายแห่ง แพทย์ต้องนำตัวเข้ารักษาในห้องไอซียู ส่วนกลุ่มชายที่รุมทำร้ายนายธานินทร์ พยานให้การหลังก่อเหตุพากันขึ้นรถตู้โฟล์กสวาเก้น รุ่นคาราเวล สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฮข 8514 กทม. หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดจับ

ต่อ มาเวลา 04.00 น. ขณะที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น ปรากฏว่ารถตู้โฟล์กสวาเก้น ของกลุ่มชายที่ทำร้ายนายธานินทร์ ได้ขับย้อนกลับเข้ามาด้านหน้าอาร์ซีเออีกครั้ง ฝ่ายสืบสวนจึงเข้าสกัดจับไว้ได้บริเวณหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ถนนเพชรอุทัย แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง ภายในรถพบนายบุลเสฏฐ์ วุฒิวิญญูชน อายุ 27 ปี และนายชุติรัตน์ ถนอมสิงห์ อายุ 27 ปีตรวจค้นในรถพบอาวุธปืนกล็อก 26 ขนาด 9 ม.ม. พร้อมกระสุน 8 นัด ซองบรรจุกระสุน 1 ซอง ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล และอาวุธปืนกล็อก 30 ขนาด .45 พร้อมกระสุน 18 นัด ซองบรรจุกระสุน 2 ซอง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปสอบสวนที่สน.มักกะสัน


สอบ สวนนายเอก (นามสมมติ) อายุ 32 ปีเพื่อนนายธานินทร์ ให้การว่า ตนกับนายธานินทร์พร้อมเพื่อนๆ โชเฟอร์แท็กซี่อีกหลายคน มาจอดรถแท็กซี่รอผู้โดยสารอยู่ปากทางเข้าอาร์ซีเอ ตนรู้สึกหิวน้ำเลยชวนนายธานินทร์ไปซื้อน้ำดื่ม ขณะนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีขับรถตู้โฟล์กสวาเก้น คาราเวล มาจอดปากทางเข้าอาร์ซีเอ โดยมีวัยรุ่นหญิง 2 คนชาย 1 คน ลงมาซื้อน้ำดื่มที่รถเข็นอยู่ก่อนแล้ว เมื่อพวกตนเดินไปถึงรถขายน้ำตนก็บอกให้นายธานินทร์ซื้อน้ำเลี้ยง แต่ชายที่ยืนซื้อน้ำอยู่ใกล้ๆ กันหันมาผลักอกตนแล้วก็พูดว่าเฮ้ย มึงอะไรเนี่ย ตนก็บอกว่าผมไม่ได้คุยกับพี่นะครับ ผมคุยกับเพื่อนผม พอพูดจบเท่านั้นชายคนนั้นก็ตบหน้านายธานินทร์ไป 1 ครั้งนายธานินทร์เลยชกสวนกลับไป 1 หมัดทันที จากนั้นกลุ่มชายที่อยู่ในรถตู้อีก 5 คนก็กรูกันลงมาลากนายธานินทร์ไปรุมกระทืบจนสะบักสะบอม แม้จะยกมือไหว้ ขอชีวิตก็ยังไม่หยุด ซึ่งชายที่อยู่ในกลุ่มยัง ชักอาวุธปืนออกมาจ่อหัวนายธานินทร์แต่เพื่อนๆ ห้ามไว้ ก่อนจะยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า 7 นัดไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือ แล้วพากันขึ้นรถตู้หลบหนีไป


ขณะที่นายหนุ่ม (นามสมมติ) โชเฟอร์แท็กซี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่าขณะที่ กลุ่มวัยรุ่นรุมกระทืบนายธานินทร์อยู่นั้น ตนได้ยินด้วยว่าไปเรียกพวกมาเลยกูไม่กลัว พ่อกูใหญ่ ใครมีปัญหาเจอกูได้ที่สืบ 4 ช่วงนั้นตนยังบอกผู้หญิงที่มากับกลุ่มวัยรุ่นให้ช่วยห้ามเพื่อนหน่อย เพราะนายธานินทร์ถูกกระทืบปางตายแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกตนว่า ห้ามทำไมพวกเขาไม่ผิดเรียกตำรวจมาเลย ตำรวจที่ไหนก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก


ด้าน ร.ต.ท.พรปรีชา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องแยกออกเป็น 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์เมื่อช่วง 04.00 น. เป็นเหตุซึ่งหน้า ที่ตำรวจสกัดจับรถตู้เอาไว้ได้พร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก และกระสุนปืนอีกหลายนัด ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก มีทะเบียนของตัวเอง 1 กระบอกและของคนอื่น 1 กระบอก หลังจากนี้จะตรวจสอบทะเบียนอีกครั้ง ส่วนเหตุการณ์ รุมทำร้ายร่างกายที่หน้าทางเข้าอาร์ซีเอนั้น ไม่ใช่เหตุการณ์ซึ่งหน้าจะได้สอบปากคำพยานและนายธานินทร์ ผู้บาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งหมดกี่คนพร้อมทั้งให้ชี้ตัวยืนยัน และรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน หากไม่สาหัสก็จะแจ้งข้อหาทำร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ แต่หากแพทย์ลงความเห็นว่าสาหัส ก็จะแจ้งข้อหาทำร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อไป เบื้องต้นแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต ,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร


ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวนได้พยายามก้มหน้าหลบช่างภาพและผู้สื่อข่าวตลอดเวลา โดยจากการตรวจสอบของตำรวจแล้วพบว่า นายบุลเสฏฐ์ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ส.ต.ต. สังกัด สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ส่วนนายชุติรัตน์ มีนามสกุลตรงกับนายพลคนหนึ่งในกองบัญชาการกองทัพไทยด้วย จากนั้นช่วงบ่ายพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ทั้ง 2 คนประกันตัวออกไปในวงเงินประกันคนละ 75,000 บาท ก่อนเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1443492156

0 comments:

Post a Comment

 
closdclosd